ฉลอง 4 ปี"ถนนคนเดินเชียงใหม่ จากเชียงใหม่นิวส์
ฉลอง 4 ปี"ถนนคนเดินเชียงใหม่"ที่ผ่านมายกนิ้วให้!นักเที่ยวตรึม“ถนนคนเดิน” หรือ (Walking Street)เป็นหนึ่งในแนวคิดการพัฒนาเมืองและการกำหนดใช้พื้นที่เมืองให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาและการใช้ประโยชน์พื้นที่ในเมืองซึ่งหลายประเทศได้ดำเนินการ และ “ถนนคนเดิน” ในหลายประเทศก็ได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวมงานศิลปะ แหล่งรวมศิลปิน สถานที่ที่ศิลปินอิสระจะได้ใช้เป็นเวทีในการแสดงออกทั้งงานดนตรี วรรณศิลป์ จิตรกรรม ฯลฯ ตลอดจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องแวะมาเยี่ยมเยือน
สำหรับในประเทศไทยนั้น รัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลแรกที่ได้ประกาศให้มีการดำเนินการ “ถนนคนเดิน” ในประเทศไทย โดยเป็นหนึ่งในมาตรการเพื่อการประหยัดพลังงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนกันยายน 2544 ซึ่ง นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้นำมาตรการดังกล่าวมาจัดทำเป็น “โครงการปิดถนนคนเดินเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และส่งเสริมการท่องเที่ยว” และทำมาสู่การปฏิบัติ ในรูปแบบของโครงการนำร่อง โดยใช้ถนนสีลม จังหวัดกรุงเทพฯ เป็นต้นแบบของ “ถนนคนเดิน” ในประเทศไทย และจัดกิจกรรมสาธิต ในชื่อ “7 มหัศจรรย์ที่สีลม” โดยการสนับสนุนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และมีสำนักงานคณะกรรมการระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2544 เป็นเวลา 7 สัปดาห์
จากการตอบรับ “ถนนคนเดินที่สีลม” ทำให้รัฐบาลเห็นว่ารูปแบบกิจกรรม “ถนนคนเดิน” นอกเหนือจากจะสอดคล้องกับแผนพัฒนาเมืองโดยเฉพาะเมืองใหญ่ในภูมิภาค ดังเช่น จังหวัดเชียงใหม่ ยังสามารถปรับรูปแบบกิจกรรมใน “ถนนคนเดิน” ให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม ทั้งในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว การกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนการส่งเสริมคุณภาพชีวิตสำหรับคนในเมืองใหญ่ๆ นั้น
“เชียงใหม่ นพบุรี ศรีนครพิงค์” นครแห่งความรุ่งเรืองด้านศิลปกรรม โบราณวัตถุ ตลอดจนวัฒนธรรมล้านนาที่เปี่ยมมนต์เสน่ห์ ซึ่งเป็นความรุ่งเรืองที่ก้าวไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ โดยเชียงใหม่ได้กำหนดกรอบวิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาจังหวัด ซึ่งหนึ่งในแนวทางการดำเนินการก็คือ การกำหนดให้มีการใช้ที่ดินในจังหวัดอย่างเหมาะสมเพื่อให้เชียงใหม่เป็นเมืองน่าอยู่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมๆ กับการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เปี่ยมศักยภาพ และกิจกรรม “ถนนคนเดิน” ก็คืออีกหนึ่งกิจกรรมที่จะมีการนำมาดำเนินการในจังหวัดเชียงใหม่
โดยกำหนดให้พื้นที่ดำเนินการคือ “ถนนท่าแพ” อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นถนนสายเศรษฐกิจเส้นแรกของจังหวัด มีประวัติความเป็นมายาวนาน มีชุมชนที่จะสามารถกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนได้ นับเป็นการปลุกวัฒนธรรมของพื้นที่ให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เป็นการ “คืนชีวิตให้ชุมชน คืนถนนให้คนเดิน” ครั้งแรกของจังหวัดเชียงใหม่
ส่วนการจัดกิจกรรมบนถนนท่าแพ ในแนวคิด การคืนชีวิตให้ชุมชน คืนถนนให้คนเดิน จะเป็นการนำเอาขนบธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตงดงามของล้านนาเป็นหัวใจในการนำเสนอรูปแบบกิจกรรมถนนคนเดิน ขณะเดียวกันก็สอดแทรกการรณรงค์ในเรื่องการประหยัดพลังงาน การลดมลพิษ และการส่งเสริมการท่องเที่ยว
ซึ่งกิจกรรมถูกกำหนดให้จัดทุกๆวันอาทิตย์ โดยเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. -วันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. 45 รวมทั้งสิ้น 10 ครั้ง โดยใช้ชื่อว่า"10 มหัศจรรย์ ล้านนาที่ท่าแพ "โดยจะเน้นกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ เน้นการนำความงดงามในชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของล้านนา เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป โดยมีกิจกรรมต่างๆแต่ละสัปดาห์ดังนี้
ครั้งที่ 1 วันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. 45 งานงามตาบุฟผาชาติ
ครั้งที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 10 ก.พ. 45 งานงามภาพวาดลีลา
ครั้งที่ 3 วันอาทิตย์ที่ 17 ก.พ. 45 งานงามค่าหัตถกรรม
ครั้งที่ 4 วันอาทิตย์ที่ 24 ก.พ. 45 งานงามค่าสะคราญนาฎศิลป์
ครั้งที่ 5 วันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. 45 งานงามถื่นคีตกรรม
ครั้งที่ 6 วันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค. 45 งานงามล้ำลือคน
ครั้งที่ 7 วันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค. 45 งานงามพลพร้อมปัญญา
ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. 45 งานงามรสอาหารเมือง
ครั้งที่ 9 วันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค. 45 งานงามเรืองรีตนครพิงค์
ครั้งที่ 10 วันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. 45 งานงามจริงถิ่นไทยงาม
ทั้งนี้ระยะทางของถนนคนเดินที่ท่าแพ โดยปิดตั้งแต่ประตูท่าแพถึงแยกอุปคุตความยาวประมาณ 950 เมตร โดยนำขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมประเพณีที่งดงามของล้านนามาเป็นหัวใจในการนำเสนอ ในรูปกิจกรรมถนนคนเดิน ขณะเดียวกันก็สอดแทรกการรณรงค์ในเรื่อง การประหยัดพลังงาน การลดมลพิษ และส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในกิจกรรมพื้นฐานของ “ถนนคนเดิน” โดยกำหนดให้ปิดถนนท่าแพเป็น “ถนนคนเดิน” ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 24.00 น. และจัดกิจกรรมซึ่งล้วนเป็นความงดงามของล้านนาโดยแท้
อย่างไรก็ตามจากการจัดกิจกรรมถนนคนเดินในปัจจุบัน เทศบาลนครเชียงใหม่ได้ทำการย้ายสาธารณูปโภคบนถนนท่าแพลงใต้ดิน จึงได้ย้ายการจัดกิจกรรมถนนคนเดินจากถนนท่าพ ไปจัดที่ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 47 เป็นต้นมา ระยะทางประมาณ 1.50 กิโลเมตร และจัดกิจกรรมการแสดงบริเวณลานอนุเสาวรีย์สามกษัตริย์
ในการนี้จึงได้มีการเชิญประชาชน และผู้ประกอบการค้าย่านถนนราชดำเนินร่วมประชุม มติที่ประชุมได้ขอให้ปรับเปลี่ยนเวลาจัดกิจกรรมเป็นเวลา 15.00-22.00 น. เทศบาลฯจึงรับมติที่ประชุมปรับเปลี่ยนเวลา เพื่อความเหมาะสมและไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จัดกิจกรรม
ในการนี้จึงได้มีการเชิญประชาชน และผู้ประกอบการค้าย่านถนนราชดำเนินร่วมประชุม มติที่ประชุมได้ขอให้ปรับเปลี่ยนเวลาจัดกิจกรรมเป็นเวลา 15.00-22.00 น. เทศบาลฯจึงรับมติที่ประชุมปรับเปลี่ยนเวลา เพื่อความเหมาะสมและไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จัดกิจกรรม
โครงการฯ นี้นอกจากจะดำเนินเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ดังกล่าวข้างต้นแล้วยังจะเป็นการก่อประโยชน์ให้กับชุมชน ทั้งในแง่ของสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิต เพราะการปิดถนน จะทำให้สามารถนำพื้นที่มาสร้างเป็นลานกิจกรรมทางสังคม กลายเป็นที่สาธารณะกลางเมืองให้ชุมชน พร้อมทั้งให้โอกาสถนนและพื้นที่ได้ฟื้นตัวจากมลพิษ เป็นการพัฒนาทั้งทางด้านรูปธรรมและนามธรรม คือ ได้มีโอกาสปรับปรุงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมของเมือง และคุณภาพจิตใจของประชาชนต่อไป
ในปีนี้ เป็นปีที่ถนนคนเดินเชียงใหม่ครบรอบ 4 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงาน"เฉลิมฉลอง ครบรอบ 4 ปี ถนนคนเดินเชียงใหม่ " เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์งานถนนคนเดินเชียงใหม่และเผยแพร่ผลงานการผลิตสินค้าภูมิปัญญาไทยที่นำมาจำหน่ายในงานถนนคนเดินเชียงใหม่นี้ด้วย
นาย พรชัย จิตรนวเสถียร รองเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2549 ที่จะถึงนี้ ตลอดถนนสายราชดำเนินไปจนถึง ข่วงอนุเสาวรีย์สามกษัตริย์ โดยในวันที่ 3 วันศุกร์จะปิดถนนตั้งแต่เวลา 18.00-23.00น. ,วันเสาร์ที่ 4 ปิดถนนตั้งแต่เวลา 15.00-23.00 น.และในวันอาทิตย์ที่ 5 จะปิดถนนตั้งแต่เวลา 15.00-22.00 น.
ทั้งนี้ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2549 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดงานเวลาประมาณ 20.00 น. ณ บริเวณ ข่วงอนุเสาวรีย์สามกษัตริ์ย ซึ่งก็จะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา พร้อมกับกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจมากมาย
สำหรับการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 4 ปี "ถนนคนเดินเชียงใหม่ ก้าวสู่ปีที่ 5 และยั่งยืนตลอดไป" นั้น ได้มีการประชุมเตรียมงานไว้แล้ว โดยจะเนรมิตรบรรยากาศของงานให้มีความเป็นล้านนามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสินค้าหัตถกรรมและสินค้าภูมิปัญญาไทยที่จะมีการจำหน่ายและสาธิตการผลิตในแต่ละโซนซึ่งก็ในขณะนี้ก็ได้มีการแบ่งการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง หัตถกรรมและสินค้าภูมิปัญญาไทยออกเป็น 5 โซน โซน 1 ตั้งแต่แยกโรงแรมมนตรีไปจนถึงแยกแสงชัยมอเตอร์ , โซน 2 ตั้งแต่แยกแสงชัยมอเตอร์ไปจนถึง แยกกลางเวียง โซน 3 ตั้งแต่แยกกลางเวียงไปจนถึงข่วงอนุเสาวรีย์ 3 กษัตริ์ย , โซน 4 ตั้งแต่ แยกกลางเวียงไปจนถึงโรงเรียนพุทธิโสภณและโซน 5 ตั้งแต่แยกกลางเวียงไปจนถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเชียงใหม่
ในขณะนี้ทางคณะกรรมการในแต่ละโซนก็ได้มีการจัดเตรียมคัดเลือกสินค้าภูมิปัญญาไทยที่จะนำมาสาธิตเพื่อสร้างสีสันให้กับงานในแต่ละโซนแล้ว จะมีการสาธิตการทำเครื่องเงิน การทอผ้าทอมือด้วยกี่โบราณ การทำเครื่องเขิน การผลิตสินค้าภูมิปัฯาเชิงสร้างสรรค์ที่แปลกตาต่างๆมากมาย รวมถึงการประดับตกแต่งถนนตลอดสายราชดำเนินด้วยตุงล้านนาและโคมไฟ เพื่อให้บรรยากาศของงานมีความเป็นล้านนาและเพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้เข้าชมงานเกิดความประทับใจมากที่สุด
ส่วนผู้ประกอบการในงานถนนคนเดินทุกร้านนั้นก็จะร่วมกันแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองพร้อมกับจัดวางสินค้าจำลองเหมือนกาดในสมัยอดีต จะไม่มีการตั้งราวแขวนโชว์สินค้าจะจัดวางกับพื้นอย่างสวยงามเพื่อร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของล้านนาอย่างแท้จริง ซึ่งก็จะเป็นส่วนหนึ่งของไฮไลท์ในการจัดงาน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมซึ่งเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกสินค้าภูมิปัญญาถนนคนเดินดีเด่น จำนวน 50 รายการ จากพื้นที่ 5 โซน มาจัดจำหน่ายและสาธิตการผลิตบริเวณข่วงอนุเสาวรีย์สามกษัตริย์ หรือจะเป็นการจำหน่ายสินค้า 50 % โดยได้ขอความร่วมมือจากบรรดาพ่อค้า-แม่ค้า ซึ่งเป็นผู้ประกอบการบนถนนคนเดินเชียงใหม่ นำสินค้าในร้านของตนเองจำนวน 1 ชิ้น นำมาร่วมจำหน่ายในราคา 50 % เพื่อนำรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายไปช่วยเหลือ เด็ก คนชรา คนพิการและผู้ด้อยโอกาสในสังคมต่อไป เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้ถือเป็นผู้มีโอกาสที่เข้ามาจำหน่ายผลิตและจำหน่ายสินค้าในงานถนนคนเดินสร้างรายได้และอาชีพที่ดีให้กับผู้ประกอบการเหล่านี้ ดังนั้นจึงถือโอกาสในงานครอบรอบ 4 ปี ถนนคนเดินนำรายได้จากการจำหน่ายสินค้า 50 % ไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมต่อไป
ที่ผ่านมา การจัดงานถนนคนเดินในทุกวันอาทิตย์ติดต่อกันมาถึง 4 ปีนี้ ทำให้ถนนคนเดินเชียงใหม่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจ. เชียงใหม่ จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาเดินถนนเป็นหลักพัน ในปัจจุบันกลายเป็นหลักแสนจากการเก็บข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อของในงานถนนคนเดินเชียงใหม่ช่วงไฮซีซั่นล่าสุดมียอดสูงถึง 150,000 ต่อสัปดาห์และไม่ต่ำกว่า 100,000 คนในช่วงโลว์ซีซั่น
ทำให้มีเงินสะพัดในปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในแต่ละสัปดาห์ จากจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจผลิตสินค้าออกจำหน่ายของผู้ประกอบการจากการจำหน่ายสินค้าไม่กี่ชิ้นในขณะนี้นอกจากจะการจำหน่ายปลีกในถนนคนเดินแล้ว ยังมียอดสั่งซื้อสินค้าทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการและเ อื้อต่อการท่องเที่ยวรวมถึงเศรษฐกิจของจ. เชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี มีผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้ามากกว่า 3,000 ราย
และจากการสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาเที่ยวยังถนนคนเดินเชียงใหม่ ต่างก็ประทับใจและชื่นชมในความยั่งยืนของถนนคนเดินเชียงใหม่ ที่สามารถจัดให้ถนนคนเดินเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งสินค้าภูมิปัญญาไทยที่สร้างชื่อเสียงให้กับจ. เชียงใหม่ไปทั่วโลก
และด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงบรรดาผู้ประกอบการในงานถนนคนเดินเชียงใหม่ที่ได้มีการประสานความร่วมมือและปฏิบัติตามระเบียบที่จัดไว้ ทำให้ถนนคนเดินเชียงใหม่เป็นถนนคนเดินที่มีความยั่งยืนตลอดยิ่งๆขึ้นไปในอนาคต
ดังนั้นการจัดงาน "เฉลิมฉลองครบรอบ 4 ปี ถนนคนเดินเชียงใหม่ก้าวสู่ปีที่ 5และยั่งยืนตลอดไป" จะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้นักท่องเที่ยวและทั่วโลกได้รู้จักถนนคนเดินเชียงใหม่มากขึ้น และในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2549 นั้น ได้เชิญสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศรวมถึงรายการทุกช่องมาร่วมทำรายการและเผยแพร่ข่าวการจัดงานในครั้งนี้ทั่วประเทศและทั่วโลก เพื่อให้ถนนคนเดินเชียงใหม่เป็นถนนที่ทั่วโลกรู้จักและอยากจะมาท่องเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้นต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ถนนคนเดินเชียงใหม่ สามารถกระตุ้นและส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจใช้สินค้าภูมิปัญญาไทยและท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าด้านแฟชั่น ที่ได้รับความสนใจและนิยมจากวัยรุ่นจำนวนมาก มีการปรับเปลี่ยนหันมาใช้เสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้าแบบพื้นเมืองมากขึ้น จนกลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตในกลุ่มคนต่างจังหวัดและดาราที่นิยมมาเดินท่องเที่ยวและเลือกซื้อสินค้าจากภูมิปัญญาไทยเหล่านี้ไปใช้
การจัดงานในครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวของจ. เชียงใหม่และประเทศไทยในอนาคตต่อไป และเชื่อมั่นว่า การจัดงานจะมีความยิ่งใหญ่อลังการ สร้างความตื่นตาตื่นใจและความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเชียงใหม่ในช่วงของการจัดงานและตลอดไปด้วย